เลนส์ M.Zuiko Digital ED 17mm F1.2 PRO ให้โบเก้ขนนกที่สวยงามนุ่มนวลไล่ระดับจากโฟกัสไปยังส่วนที่อยู่นอกโฟกัสได้อย่างกลมกลืน ให้ฉากหลังที่สวยงามน่าประทับใจ ให้ภาพถ่ายมีความลึกช่วยให้ตัวแบบโดดเด่นออกมา
ผลิตภัณฑ์จากบริษัทอื่นที่มีคุณสมบัติเทียบเท่ากัน:
M.Zuiko Digital ED 17mm F1.2 PRO ที่ f/1.2: 
โบเก้ขนนกที่สวยงามนุ่มละมุน เป็นผลมาจากระบบการวัดค่าหาความผิดเพี้ยนที่มีความแม่ยำสูงมากพิเศษ ซึ่งพัฒนาขึ้นจากเทคโนโลยีการวัดค่าที่มีความแม่นยำสูงที่ใช้ในการพัฒนากล้องจุลทรรศน์ขั้นสูง ซึ่งเครื่องวัดนี้ใช้ในขั้นตอนการวิจัยเพื่อวัดลักษณะของเลนส์ที่ได้รับการยกย่องในอดีต ซึ่งกลายมาเป็นรากฐานสำหรับการพัฒนาเลนส์ในยุคใหม่ และในขั้นตอนการพัฒนาเลนส์ เครื่องมือได้ถูกนำมาใช้เพื่อสร้างการออกแบบเลนส์ในการปรับปรุงประสิทธิภาพระดับความคลาดเคลื่อน โดยที่สามารถลดความผิดเพี้ยนได้เกือบแทบทั้งหมด
เลนส์ M.Zuiko Digital ED 17mm F1.2 PRO ออกเเบบโดยตั้งใจให้แสงส่องผ่านมาที่ขอบด้านนอกของเลนส์เพื้อสร้างภาพที่เป็นฉากหน้า ขณะที่เอียงเลนส์เล็กน้อย ให้เหมือนกับเป็นความคลาดทรงกลม (Spherical aberration) ออกไปทางด้านนอก ซึ่งเป็นความตั้งใจเพื่อให้เกิด ความผิดเพี้ยนแบบ Spherical เพื้อให้เกิดโบเก้ขนนกที่นุ่มนวล (Feathered bokeh) สวยงาม
ประกอบไปด้วยเลนส์ ED 6 ชิ้นเลนส์ ซึ่งมากที่สุดในบรรดาเลนส์ M.Zuiko ทุกตัว รวมถึงชิ้นเลนส์ ED-DSA ที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ล่าสุด ที่รวมเอาคุณสมบัตพิเศษของทั้งเลนส์ ED (Extra-low Dispersion) และเลนส์ DSA (Dual Super Aspherical) เข้าไว้ด้วยกัน ด้วยโครสร้างเลนส์แบบนี้ทำให้สามารถป้องกันหรือแก้ไขการเหลื่อมสีจากการเหลื่อมโฟกัสของคลื่อนแสง (Axial Chromatic Aberration) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเลนส์หน้ากว้างทั้วไปมักประสบปัญหานี้ และป้องกันการเหลือมสีที่บริเวณขอบในภาพ (Magnification chromatic aberration) นอกจากนี้ยังสามารถสร้างโบเก้แบบขนนก (Feathered bokeh) ที่สวยงาม และมีประสิทธิภาพทางด้านออปติคัลที่สมบูรณ์แบบ สมารถถ่ายทอดรายละเอียดได้อย่างถูกต้องมแม่นยำแบบจุดต่อจุด แม้จะใช้การตั้งค่ารูรับแสงที่กว้างสุดก็ตาม
เลนส์ ED-DSA ซึ่งสร้างขึ้นโดยใช้ชิ้นแก้ว ED ขึ้นรูปเป็นเลนส์ DSA ซึ่งเป็น นวัตกรรมที่สามารถผลิตได้ในระดับอุตสาหกรรมเป็นครั้งแรกโดย Olympus เป็นเลนส์ที่สามารถป้องกันหรือแก้ไขความผิดเพี้ยนต่างได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมสี (Chromatic Aberration Correction) ด้วยคุณสมบัติของชิ้นแก้ว ED และสามารถแก้ไขปัญหาความคลาดกลม (Spherical Aberration) , ความผิดเพี้ยนของสี (Chromatic aberration) และแก้ปัญหาความคลาดเอียง (Astigmatism correction) ได้อย่างยอดเยี่ยม จากคุณสมบัติของชิ้นเลนส์ DSA ด้วยชิ้นเลนส์ ED-DAS ชิ้นเดียว ซึ่งจากการรวมคุณสมบ้ติพิเศษต่างๆเป็นเลนส์ ED-DAS ทำให้สามารถลดจำนวนของชิ้นเลนส์โดยรวม เป็นผลให้ขนาดของตัวเลนส์โดยรวมเล็กลง น้ำหนักเบา แต่ยังคงเปี่ยมด้วยประสิทธิภาพคุณภาพที่ยอดเยี่ยม
โครงสร้างเลนส์ (15 ชิ้นเลนส์ ใน 11 กลุ่ม)
MTF Chart
ระยะโฟกัสใกล้สุด: 20 cm
เป็นเลนส์ที่สามารถถ่ายภาพแบบโคลสอัพได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถเข้าใกล้ได้ถึง 20 เซ็นติเมตร และให้กำลังขยายที่ 0.15x (เทียบกับฟอร์เมต 35mm ที่: 0.3x) คุณสามารถเข้าใกล้วัตถุเพื่อสร้างโกเก้ที่ฉากหลังให้น่าประทับใจมากขึ้น
1. อากาศ / 2. อนุภาคนาโน / 3. แสงที่ตกกระทบ / 4. แสงสะท้อน / 5. เลนส์ / 6. ฟิล์ม Vapour deposit
เทคโนโลยีการเคลื่อผิวเลนส์ โดยเคลื่อบด้วยชั้นของอนุภาคขนาดนาโนที่มีอากาศอยู่ด้านใน ผลที่ได้คื่อการเคลื่อบผิวเลนส์มีดรรชนีหักเหสูงเหมื่อนกับอากาศ ลดการสะท้อนที่ผิวเลนส์ สามารลดการเกิดแสงฟุ้ง (Ghost) และแฟร์ (Flaring) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ภาพถ่ายมีความคมชัด ใส มีคุณภาพ
เเม้จะเป็นเลนส์เส้นผ่าศูนย์กลางขนาดใหญ่ความสว่างสูง F1.2 ด้วยชุดโฟกัส ( Focusing unit) ที่มีน้ำหนักเบาแบบกลไก MSC (Movie & Still Compatible) ใช้ระบบกลไกขับเคลื่อนแบบสกรูไดรฟ์ ซึ่งเป็นหัวใจหลักของระบบ MSC Mechanism และขับเคลื่อนด้วยสเต็ปมอเตอร์
1. ชุดเลนส์โฟกัส
1. สเต็ปมอเตอร์ระบบ On-chip Phase Detection AF ที่ใช้ในกล้อง OM-D E-M1 Mark II ไม่มีการจำกัดในเรื่อของฟลักซ์แสง ทำให้สามารถใช้ All-cross AF ได้อย่างเต็มรูปแบบ เเม้จะใช้เลนส์ไวแสงสูง F1.2 ซึ่งทำให้สามารถใช้งานระบบโฟกัสได้ครอบคลุมจุดโฟกัสทั้งหมด จรดขอบภาพ เพื่อให้การโฟกัสมีความแม่นยำสูง
DSLR (Phase detection AF)
OM-D E-M1 Mark II (On-chip Phase detection AF)
เมื่อใช้งานร่วมกับฟังก์ชัน Eye Priority AF ในกล้อง OM-D E-M1 Mark II ทำให้สามารถถ่ายภาพพอร์ตเทรตที่มีความคมชัด โฟกัสที่ดวงตาของแบบได้อย่างถูกต้องแม่นยำ
นี่คื่อเลนส์หน้ากว้าง รูรับแสงกว้างสุด F1.2 ที่มีขนาดกะทัดรัดน้ำหนักเบา มีน้ำหนักเพียงประมาณ 390 กรัมเท่านั้น และเมื่อใช้งานร่วมกับ OM-D E-M1 Mark II กลายเป็นระบบกล้องประสิทธิภาพสูงที่มีน้ำหนักเบาอย่างเหลือเชื่อเพียงประมาณ 964 กรัมเท่านั้น
ประมาณ 1,700 กรัม (บอดี้กล้อง Full-frame DSLR + 35mm ของบริษัทอื่น)
ประมาณ 964 กรัม (OM-D E-M1 Mark II + M.ZUIKO DIGITAL ED 17mm F1.2 PRO)
ด้วยการปิดผนึก (Sealing) ชนิดที่อากาศก็ผ่านไม่ได้ เพื่อให้สามารถป้องกันละอองน้ำ ป้องกันฝุ่น และทนทานต่ออากาศเย็น ได้อย่างมีประสอทธิภาพ ที่คุณไว้ใจได้ เพื่อให้สามารถถ่ายภาพในสถานที่ต่างๆได้อย่างสะบายใจไร้กังวล ไม่ว่าจะเป็นฝุ่น ฝน หรืออากาศที่แปรปรวน
การควบคุมที่ออกแบบมาเพื่อใหสามารถตอบสนองความต้องการของเหล่าบรรดาช่างภาพมืออาชีพ ไม่ว่าจะเป็นแหวนปรับโฟกัส ที่ให้การปรับโฟกัสที่นุ่มนวลราบรื่น และปุ่ม L-Fn ที่สามารถควบคุมการใช้งานในขณะที่แนบสายตาอยู่ที่ช่องมองภาพ
แหวนปรับโฟกัสที่หนาหรือกว้าง ที่ตำแหน่งด้านหน้าสุดของกระบอกเลนส์ ช่วยให้ปรับโฟกัสได้อย่างสะดวกแม้จะใช้งานร่วมกับ OM-D E-M1 Mark II.
ปุ่ม L-Fn อยู่ในตำแหน่งตามแนวขอบของส่วนโค้งเว้าท้ายเลนส์ ซึ่งง่ายต่อการค้นหาแม้ขณะที่ใช้สายตาแบบไปที่ช่องมองภาพ
ตัวเลขแสดงทางยาวโฟกัสขนาดใหญ่เพื่อความสะดวกในการหยิบใช้งาน
กลไก MF คลัตช์ ที่สามารถสลับไปใช้แมนนวลโฟกัสได้ทันทีด้วยการเหลือนแหวนโฟกัสเข้าหากล้อง
เลนส์ฮูดสำหรับ เลนส์ M.Zuiko Digital ED 17mm F1.2 PRO มีปุ่มปลดล็อก เพื่อป้องกันการเผลอถอดฮูดหรือ เผลอทำฮูดหลุดออก
ฝาปิดสำหรับเลนส์ M.Zuiko Digital ED 17mm F1.2 PRO ซึ่งเปิดปิดได้อย่างสะดวกไม่ว่าจะใส่หรือไม่ไส่เลนส์ฮูด
เคสสำหรับใสเลนส์ M.Zuiko Digital ED 17mm F1.2 PRO สำหรับป้องกันเลนส์จากรอยขีดข่วน
ฟิลเตอร์ป้องกันหน้าเลนส์ที่เคลือบผิวด้วย ZERO Coating เพื่อลดแสงฟุ้งและแสงแฟร์ที่เกิดจากการสะท้อน ที่ขอบรอบนอกของกระจกเคลื่อบด้วยสีดำและซาติน และใช้กรอบอลูมิเนียมลดแสงสะท้อน
© 2021 OM Digital Solutions Corporation
